Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์) เป็นโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ สร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือโค้ดได้เอง โดยอิงจากข้อมูลที่มันเคยเรียนรู้มา เมื่อเรา “ถาม” Generative AI ด้วยภาษาธรรมชาติ (prompt) มันจะวิเคราะห์ความหมายทั้งประโยคและตอบกลับเป็นประโยคเต็ม ในขณะที่ Search Engine แบบดั้งเดิมจะใช้คีย์เวิร์ดค้นหาข้อมูลแล้วให้ผลลัพธ์เป็นลิงก์ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ กล่าวคือ การค้นหาแบบเดิมผู้ใช้ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาคำตอบเอง แต่ Generative AI จะสรุปเนื้อหาหรือให้คำตอบตรงๆ มาครั้งเดียวเลย
ประโยชน์ของการใช้ Generative AI ในการค้นหาข้อมูล
- ได้คำตอบที่สรุปครบ ถามจบจบเลย: Generative AI สามารถสรุปคำตอบจากข้อมูลหลายแหล่งให้เสร็จในที่เดียว ทำให้เราไม่ต้องคลิกผ่านหลายเว็บ
- รวดเร็ว ประหยัดเวลา: ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์แยกเป็นคีย์เวิร์ด การตั้งคำถามเป็นภาษาพูดก็ได้ AI จะวิเคราะห์และตอบทันที
- เข้าใจบริบทมากกว่า: มันไม่แค่เช็กคีย์เวิร์ด แต่เข้าใจบริบทเต็มประโยค ทำให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำสูงกว่า และตอบตรงจุดกว่าการค้นหาปกติ
- สรุปภาพรวมแบบเร็วๆ: Generative AI มักสร้าง “ภาพรวม” ของผลลัพธ์ให้ได้ ทำให้ได้ข้อมูลกว้างๆ หรือไอเดียใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้เห็นภาพกว้างของประเด็นนั้นได้เร็วขึ้น
- มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ: บางแพลตฟอร์ม AI อนุญาตให้ตั้งคำถามต่อเนื่อง หรือปรับโทนคำตอบตามต้องการ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้งานในชีวิตประจำวัน
Generative AI เข้ามาช่วยในงานและกิจกรรมต่างๆ ได้มากมาย ตัวอย่างเช่น:
- สุขภาพเบื้องต้น: ถามเกี่ยวกับอาการเล็กๆ น้อยๆ หรือต้องการข้อมูลทั่วไป เช่น “ฉันเป็นไข้ ควรทำอย่างไรบ้าง?” AI สามารถให้ข้อมูลเบื้องต้นหรือคำแนะนำง่ายๆ ได้ แต่ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์แทนหมอ
- ท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์: ใช้วางแผนเที่ยว เช่น ขอเส้นทางเดินทาง หรือสรุปค่าใช้จ่ายทริป ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ทดลองให้ ChatGPT สรุปค่าใช้จ่ายทริปได้อย่างรวดเร็ว (ขอแค่เป็นไกด์ไลน์)
- การเงินส่วนตัว: ถามวิธีวางแผนการเงินหรือการเก็บออม AI สามารถเสนอวิธีปรับงบประมาณได้ เช่น มีคนให้ AI ช่วยวางแผนเก็บเงิน ดูภาพรวมการเงินให้ชัดขึ้น
- การเรียนรู้และงานทั่วๆ ไป: ข้อดีคือ AI ใช้ข้อมูลได้หลากหลาย ช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงคำอธิบายเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเปิดหลายเว็บ ไม่จำเป็นมีพื้นฐานเทคโนโลยีมาก่อน.
งานวิจัยชี้ว่า กว่า 70% ของคนไทยใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เพราะสะดวกช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ Generative AI จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลใหม่ๆ นอกเหนือจาก Google แบบเดิม

ข้อควรระวังในการใช้ Generative AI
แม้จะสะดวก แต่การใช้ Generative AI ต้องระวังข้อจำกัดหลายประการ:
- ความถูกต้องของข้อมูล: AI อาจให้คำตอบที่ ไม่ถูกต้อง หรือ “สร้าง” ข้อมูลขึ้นมาเอง (hallucination) ได้
- ความเป็นปัจจุบัน: ฐานข้อมูลของ AI รุ่นต่างๆ อาจเก็บข้อมูลเฉพาะช่วงเวลา เช่น ChatGPT อาจอ้างอิงข้อมูลได้ถึงปี 2021 เท่านั้น จึงไม่รู้เหตุการณ์หรือข้อมูลล่าสุดหลังจากนั้น
- อคติ (Bias): เนื่องจาก AI ถูกฝึกจากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จึงอาจสะท้อน อคติ ของข้อมูลนั้นได้ ทำให้บางคำตอบมีแนวคิดหรือลำเอียงบางอย่าง
- ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: เมื่อเราป้อนข้อมูลให้ AI ข้อมูลของเราอาจถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบ AI ต่อได้ จึงไม่ควรใส่ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลลับเด็ดขาด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีมาตรการป้องกัน เช่น การไม่แชร์ข้อมูลสำคัญ และมีการ ตรวจสอบความถูกต้อง ของคำตอบจาก AI โดยมนุษย์อยู่เสมอ
ผู้ใช้ควรใช้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นแนวทางเบื้องต้น แล้วตรวจสอบกับแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อความถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บหรือแหล่งข่าวเชื่อถือควบคู่กันไป (ดูจากเว็บไซต์ที่ AI อ้างอิงมา)
เครื่องมือ Generative AI ยอดนิยม (ปี 2025)
ปัจจุบันมีเครื่องมือ Generative AI หลายตัวที่คนทั่วไปรู้จักและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น
- ChatGPT (OpenAI): ระบบ AI โต้ตอบที่ได้รับความนิยมสูงมาก เวอร์ชันล่าสุด (GPT-4o) ตอบคำถามทุกประเภทได้ดีทั้งข้อความและประมวลผลภาพ รวมทั้งเชื่อมต่อค้นหาข้อมูลออนไลน์ได้
- Google Gemini (จาก Google): โมเดล AI ของ Google (ต่อยอดจาก Bard) ที่เน้นความฉลาดแบบอเนกประสงค์ ผสานกับบริการ Google ต่างๆ ทำงานได้หลายรูปแบบ
- Claude (Anthropic): ระบบ AI ที่ถูกพัฒนาให้เน้นคุณภาพงานเขียน การโต้ตอบเป็นธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้งานหลายคนยกให้ Claude ดีเรื่องการเรียบเรียงภาษา
- Microsoft Bing Chat / Copilot: บริการ AI ของไมโครซอฟท์ที่ใช้เทคโนโลยีของ OpenAI (เช่น GPT-4) ผสานกับการค้นหาข้อมูลบนเว็บ ทำให้ถามได้ข้อมูลอัพเดตกว่าเวอร์ชันเก่า
นอกจากนี้ยังมี AI ชื่อดังอื่นๆ เช่น Perplexity AI, Character.AI, Midjourney (สำหรับสร้างภาพ) เป็นต้น. ข้อมูลล่าสุดพบว่า ChatGPT มียอดผู้ใช้สูงติดอันดับหนึ่ง แซงหน้า Bing และสูงกว่ารุ่นอื่นๆ เช่น Gemini, Character AI, Claude และ Perplexity แม้ปัจจุบัน Google ยังเป็นผู้นำด้าน Search Engine แต่ Generative AI อย่าง ChatGPT ก็กลายเป็น “ทางเลือกใหม่” ที่ช่วยให้เราได้ข้อมูลครบถ้วนขึ้น
สรุป
Generative AI เป็นเครื่องมือใหม่ในการค้นหาข้อมูลที่ตอบโจทย์เรื่องการสรุปเนื้อหาและความรวดเร็ว ช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น แต่ยังต้องใช้วิจารณญาณตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การรู้จักเครื่องมือต่างๆ (เช่น ChatGPT, Gemini, Claude) และตระหนักถึงข้อดี-ข้อจำกัด ช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น